เกินกว่าคำว่าแม่
คุณแม่ตั้งครรภ์หลาย ๆ คนน่าจะเคยได้ยินกันมาบ้างแล้ว ว่าท่านอนที่ดีที่สุดสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์คือ นอนตะแคงซ้าย เนื่องจากการนอนตะแคงซ้ายดีต่อระบบไหลเวียนเลือด เพิ่มประสิทธิภาพในการได้รับออกซิเจนและสารอาหาร เพื่อเอาไปเลี้ยงลูกน้อยในครรภ์ รวมไปถึงสนับสนุนการทำงานของไต ช่วยลดความดันตับ และลดอาการบวม
นอนตะแคงซ้าย (ไหล่ซ้ายติดกับพื้น) จะช่วยป้องกันไม่ให้มดลูกกดทับเส้นเลือดดำใหญ่ จะทำให้เลือดจากขาไหลย้อนกลับเข้าสู่หัวใจได้ดีขึ้น ช่วยให้เลือดหมุนเวียนได้ดี ทำให้ไตสามารถขับถ่ายของเสียได้ตามปกติ ควรหาหมอนใบเล็กๆ นุ่มๆ มารองท้อง เพื่อช่วยรับน้ำหนักท้องและไม่ให้ท้องโย้ลงต่ำมากไป เพราะจะทำให้คุณแม่รู้สึกตึงและถ่วงท้องมากเกินไป
ไตมาสที่ 1 (1-3 เดือน)
เป็นช่วงที่คุณแม่กำลังตั้งท้องอ่อนๆ หน้าท้องยังไม่โตมานัก ช่วงนี้คุณแม่สามารถ “นอนท่าไหนก็ได้” ไม่ว่าจะนอนหงาย นอนตะแคง เพราะทารกในครรภ์ยังเป็นตัวอ่อนเล็กๆ ฉะนั้น ไม่ว่าคุณแม่จะนอนท่าไหน ก็จะไม่เป็นอันตรายต่อลูกแน่นอน ที่ต้องระวังมีแค่ช่วงตื่นนอน ก่อนที่จะลุกขึ้น แนะนำให้คุณแม่พลิกตัวมานอนตะแคงข้างก่อน แล้วค่อยๆ ใช้มือดันพยุงตัวลุกขึ้น เพราะการลุกขึ้นในทันที อาจจะทำให้คุณแม่หน้ามืดได้
ไตมาสที่ 2 (4-6 เดือน)
จะเป็นช่วงที่ครรภ์ของคุณแม่เริ่มขยายขึ้นอย่างรวดเร็ว ฉะนั้น ท่าที่เหมาะสมกับอายุครรภ์ในช่วงนี้คือ “ท่านอนตะแคงซ้าย” หรือนอนตะแคงข้าง ซึ่งจะช่วยให้ระบบเลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น น้ำหนักของท้องส่วนหนึ่งจะตกลงที่พื้น ทำให้ไม่ไปกดทับบนเส้นเลือดใหญ่ในช่องท้อง คุณแม่จึงรู้สึกสบายกว่าท่านอนหงาย อีกทั้งการนอนตะแคงข้างยังช่วยลดความเสี่ยงจากอาการหน้ามือ เป็นลม ได้ด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คุณแม่ก็ไม่ควรนอนท่าใดท่าหนึ่งนานๆ เพราะอาจทำให้เมื่อยและปวดหลังได้
ไตมาสที่ 3 (7-9 เดือน)
ท่านอนที่เหมาะสมกับคนท้องในช่วงนี้คือ “ท่านอนตะแคงซ้าย พร้อมกับงอเข่าทั้ง 2 ข้าง” คุณแม่อาจใช้หมอนรองระหว่างขาทั้งสองข้าง เพื่อรับหน้าหนักหน้าท้องที่โย้ ไม่ให้โน้มลงต่ำมากเกินไป ก็จะช่วยให้รู้สึกสบายมากขึ้น เพราะเลือดไหลเวียนได้ดี มดลูกไม่ไปกดทับหลอดเลือดในช่องท้องน้อยเหมือนท่านอนในท่าอื่นๆ ซึ่งการไหลเวียนเลือดจะทำให้การส่งอาหารไปยังทารกทำได้ดีตามไปด้วย และช่วยให้ไตขับน้ำปัสสาวะได้ดี ช่วยลดอาการบวมในแม่ท้องได้อีกด้วย
การนอนตะแคงซ้ายเป็นท่าที่แนะนำ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าห้ามนอนตะแคงขวาซะเดียวเลย หลายคนชอบเข้าใจผิดว่าการนอนตะแคงขวาจะไปกดทับเส้นเลือดใหญ่ แต่คุณหมอไม่ได้ห้ามนอนตะแคงขวาหรอกนะ เพียงแค่การนอนตะแคงซ้ายจะช่วยให้เลือดไหลเวียนดีกว่าเท่านั้นเอง ถ้าหากคุณแม่ตั้งครรภ์นอนตะแคงซ้ายนาน ๆ แล้วเมื่อย อาจจะพลิกตัวไปนอนตะแคงขวาบ้างก็ได้ค่ะ
การนอนตะแคงซ้าย บางครั้งอาจจะทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์บางคนมีอาการปวดหลังและสะโพก ไม่สบายเนื้อสบายตัว นอนหลับยาก ดังนั้นหมอนและที่นอนมีส่วนช่วยให้คุณแม่หลับสบายขึ้นได้นะ ที่นอนที่ความนุ่มพอเหมาะกับคุณแม่ ไม่นิ่มหรือแข็งจนเกินไป จะช่วยจัดแนวกระดูกสันหลัง และบรรเทาอาการปวดเมื่อยได้ รวมไปถึงการใช้หมอนก็ช่วยได้เช่นกัน
การใช้หมอนหรือหมอนข้าง รองช่วงตัว เพื่อยกร่างกายส่วนบน สามารถช่วยลดอาการเสียดท้องได้ หากคุณแม่ตั้งครรภ์ปวดขา การใช้หมอนรองใต้ขาก็สามารถช่วยบรรเทาอาการปวด และลดบวมได้อีกด้วย หรือถ้าหากคุณแม่คนไหนมีอาการปวดหลัง การใช้หมอนรองช่วงหลัง ก็จะช่วยบรรเทาอาการปวดหลังได้เช่นเดียวกัน
แต่การใช้หมอนชนิดอื่นที่ไม่ใช่หมอนคนท้องมารองดูแล้วก้คงจะไม่สะดวกนัก เนื่องจากอาจจะสูงไป เล็กเกินไป หรือบางทีรองไม่อยู่ ก็หลุด หรือไหลไปท่านอนของเรา หรือแม้แต่จะพลิกตัวก็อาจจะทำให้คุณแม่หงุดหงิดได้ เพราะต้องปรับหมอนไปมาตลอดการนอน
หมอนคนท้องช่วยแม่ท้องนอนหลับสบาย นอนได้หลากหลายท่ามากขึ้น และถึงแม้ว่าท่านอนที่ปลอดภัยและดีสำหรับแม่ท้องในไตรมาสที่ 3 คือท่านอนตะแคงซ้ายเพื่อให้เลือดไหลเวียนไปยังทารกในครรภ์ มดลูกและไตได้ดี และป้องกันมดลูกไม่ให้กดทับอวัยวะขนาดใหญ่ ก็ตาม แต่ในความเป็นจริงแล้ว หากแม่ท้องนอนแต่ตะแคงซ้ายตลอดเวลา คุณแม่ก็คงมีอาการปวดเมื่อยและไม่สบายตัวใช่ไหมคะ หมอนคนท้องจึงมีความสำคัญและจำเป็นในการช่วยรองรับขนาดและน้ำหนักตัวของแม่ท้อง ช่วยลดอาการปวดหลัง ปวดขา ปวดแขน นอนในท่าที่สบายและหลับได้สนิท
หมอนคนท้อง ถูกออกแบบมาให้เหมาะกับการนอน การนั่งของแม่ตั้งครรภ์ หมอนคนท้องช่วยให้แม่ท้องนั่งได้สบาย สามารถใช้พิงหลังหรือรองขณะนั่งได้ ช่วยลดอาการปวดเมื่อยได้
เห็นไหมคะว่าการเลือกท่านอนของคนท้องนั้นสำคัญต่อคุณแม่มาก ๆ ทั้งนี้เมื่อรู้แล้วว่าคนท้องเหมาะกับท่านอนท่าไหนคุณแม่ก็อย่าลืมเอาไปปฏิบัติกันด้วยนะคะ รับรองว่าจะช่วยให้คุณแม่นอนหลับสบายได้มากขึ้นและจะทำให้นอนได้นานขึ้นด้วยค่ะ เพื่อให้คุณแม่นอนหลับได้อย่างเต็มที่และไม่เป็นอันตรายต่อลูกน้อยในครรภ์ หากมีสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นกับการนอนที่ไม่ถูกต้อง คุณแม่ควรไปพบแพทย์ เพื่อความปลอดภัยของทั้งคุณแม่และลูกน้อย
หากคุณแม่ใส่ใจดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองในทุก ๆ ขั้นตอน รวมถึงท่านอน ย่อมส่งผลดีต่อสุขภาพของลูกในท้องไปด้วยเช่นกันค่ะ