คนท้องห้ามกินอะไร : โบราณเขาว่ามา จริงหรือไม่

คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ ระบบย่อยอาหารของคุณแม่ตั้งจะผิดปกติไม่เหมือนเดิม ทำให้ท้องอืดท้องเฟ้อได้ง่าย คนท้องห้ามกินอะไรบ้าง กินแล้วไม่ดี ทำให้ท้องเสีย จะเป็นกรดไหลย้อน เป็นอันตรายกับลูกในครรภ์ และอีกมากมาย ทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องระมัดระวังการทานเป็นพิเศษ แต่อาหารบางอย่าง ตามความเชื่อต่าง ๆ ที่ว่าทานแล้วจะส่งผลต่อคุณแม่ตั้งครรภ์ได้ ความจริงแล้วเป็นอย่างไร และอาหารที่คนท้องไม่ควรกินจะมีอะไรบ้างนั้น มาติดตามกันเลยค่ะ

คนท้องห้ามกินแตงโม

ผลไม้อย่างหนึ่งที่ว่าคนท้องไม่ควรกิน นั้นคือ แตงโม 

  • อาจจะเป็นเพราะว่าแตงโมมีฤทธิ์เย็นจัด คนที่ร่างกายอ่อนแอ เช่น คนป่วยห้ามทานแตงโมเพราะพิษเย็นจะแทรก สำหรับคนท้องในสมัยก่อนอาจถูกมองว่าอ่อนแอ ต้องดูแลเป็นพิเศษ และยารักษาหรือแพทย์ที่ดูแลนั้นหาไม่ได้ง่าย ๆ เหมือนปัจจุบัน การห้ามกินจึงเป็นการป้องกันไว้ก่อนดีที่สุด
  • แตงโมเป็นพืชที่มีน้ำมาก อาจเกิดอาการบวมน้ำ ซึ่งเป็นอาการที่พบได้ในคนท้อง
  • แตงโมเป็นผลไม้ที่มีความหวาน ซึ่งก็มีโอกาสเป็นไปได้ว่าจะส่งผลต่อการเกิดโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ จนถึงอาการครรภ์เป็นพิษ

แตงโม เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยโพแทสเซียม มีสรรพคุณช่วยควบคุมอัตราความดันโลหิตของร่างกาย และยังมีวิตามินซีธรรมชาติที่ดีต่อร่างกาย แต่ควรรับประทานแต่น้อย เพื่อไม่ให้มีโอกาสเสี่ยงเป็นเบาหวาน อาการบวมน้ำและน้ำหนักตัวเพิ่ม

คนท้องห้ามกินน้ำมะพร้าว

ความเชื่อโบราณ การกินหรือดื่มมะพร้าว เป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับคนท้องอ่อน ๆ เพราะจะทำให้แท้งลูก แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ที่ยืนยันว่า ผลไม้จะมีผลต่อร่างกายแม่ท้องถึงขนาดแท้งลูกได้

  • ความจริงแล้วฮอร์โมน Estrogen ในน้ำมะพร้าว ไม่เกี่ยวกับการหดตัวของมดลูก
  • ในน้ำมะพร้าวก็มีฮอร์โมน Estrogen ที่ไม่ได้มาก ในอีกด้านหนึ่ง ก็มี
  • ความเชื่อที่ว่า หากแม่ท้องกินหรือดื่มน้ำมะพร้าว เป็นประจำระหว่างตั้งครรภ์ จะทำให้ลูกมีผิวขาวใส เพราะในน้ำมะพร้าวมีสารอาหารและกรดไขมัน ส่งผลให้ไขทารกมีสีผิวค่อนข้างขาว แต่ผิวพรรณของคนเรา มาจากกรรมพันธุ์ของพ่อและแม่ ดังนั้นการกินอาหาร ผัก ผลไม้ ไม่ส่งผลต่อสีผิวของลูก

ดังนั้นคนท้องสามารถกินหรือดื่มมะพร้าวได้ เพราะอุดมไปด้วยแคลเซียมและแมกนีเซียม ช่วยบำรุงหัวใจ ทำความสะอาดลำไส้ ลดอาการท้องผูก เสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง

คนท้องห้ามกินสับปะรด

คุณแม่ท้องบางคนเชื่อว่า สับปะรด เป็น “อาหารร้อน” อาจทำให้แท้ง หรือคลอดก่อนกำหนดได้ สำหรับประเด็นนี้ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน สับปะรดมีฤทธิ์เป็นยาถ่ายอ่อน ๆ บางครั้งถูกใช้เพื่อเร่งให้คลอดตามธรรมชาติ โดยอาจทำให้มดลูกบีบตัวอย่างรุนแรงได้ แต่การที่จะทำให้มดลูกจะบีบตัวอย่างรุนแรงได้นั้น ต้องกินสับปะรดในปริมาณมาก หากคุณแม่กินสับปะรดในปริมาณที่พอเหมาะ คุณแม่ก็จะได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์จากสับปะรด เช่น

  • วิตามิน B1 ช่วยในการทำงานของระบบประสาทและหัวใจ
  • วิตามินบี 6 ดีต่อการทำงานของร่างกายหลายส่วน ทั้งยังช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง
  • วิตามินซี ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
  • แร่ทองแดง มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตที่เหมาะสม ช่วยบำรุงเส้นผมและดวงตา
  • แมงกานีส ช่วยบำรุงกระดูก
  • นอกจากนี้ สับปะรดสามารถช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องได้

คุณแม่ตั้งครรภ์ก็สามารถกินสับปะรดได้ แต่ต้องไม่มากจนเกินไป

ผลไม้ที่คนท้องไม่ควรรับประทานคือ มะม่วงดิบ ซึ่งย่อยยากและอาจทำให้แม่ท้องเกิดอาการท้องแน่นได้ ทุเรียน เพราะทำให้เกิดแก๊สในลำไส้อาจทำให้คุณแม่มีอาการจุกเสียดแน่นท้องหรือแน่นหน้าอก ผลไม้ที่มีรสหวานจัด และผลไม้แปรรูปหรือผลไม้ดองต่าง ๆ เสี่ยงต่อการรับสารเคมีที่ใช้ในการทำของดองและความสะอาดในการผลิต

คนท้องห้ามกินผักอะไร

  • กะหล่ำดิบ เพราะกะหล่ำเป็นพืชที่มีการใช้สารเคมีมาก ปุ๋ยหรือสารเคมีสามารถเข้าไปในกาบใบกะหล่ำได้ เสี่ยงต่อการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่าลิสเทอเรีย ส่งผลต่อการคลอดก่อนกำหนดหรือแท้งบุตร
  • ถั่วงอกดิบ อาจมีเชื้อแบคทีเรีย เช่น อีโคไล ส่งผลให้น้ำคร่ำน้อย คลอดก่อนกำหนด ลูกที่เกิดมาอาจมีน้ำหนักน้อย ส่วนเชื้อซัลโมเนลลาทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ เยื้อหุ้มสมองอักเสบ ไขสันหลังอักเสบ ปวดบวมตามข้อมือ นิ้วเท้า เมื่อลูกคลอดออกมาอาจทำให้ลูกเจ็บป่วย ท้องเสีย มีไข้
  • ผักโขม ในช่วงตั้งครรภ์แม่ท้องจำเป็นต้องมีแคลเซียมที่เพียงพอ เพื่อให้ลูกดูดซึมไปสร้างกระดูดและฟัน การทานผักโขมขณะตั้งครรภ์จึงเป็นสิ่งที่แม่ท้องต้องงดหรือต้องเลี่ยงไว้ก่อน จริงอยู่ที่ผักโขมมีโฟเลทช่วยลดความพิการของลูก แต่ถ้าทานผักโขม กรดออกซาลิกในผักโขมจะขัดขวางการดูดซึมแคลเซียมและธาตุเหล็ก อาจทำให้แม่ขาดแคลเซียมหรือมีแคลเซียมไม่เพียงพอ ซึ่งไม่เป็นผลดีในระยะยาวแน่นอน
  • หน่อไม้ดิบ ในหน่อไม้มีสารไซยาไนด์ หากทานเข้าไปในปริมาณที่มากมีผลอันตรายทำให้ร่างกายขาดออกซิเจน หมดสติ และเสียชีวิตได้ และไม่ว่าจะท้องหรือไม่ท้องก็ไม่ควรทานหน่อไม้ดิบเช่นกันนะคะ
  • ถั่วฝักยาว เพราะในบางคนอาจมีระบบลำไส้ที่ไม่ค่อยดีเมื่อทานถั่วฝักยาวเข้าไปแต่จะมีอาการท้องอืด อีกทั้งถั่วฝักยาวในท้องตลาดได้ผ่านการใช้สารเคมีในการกำจัดศัตรูพืชอย่างมาก ก็คงไม่มีใครแน่ใจได้ว่าถั่วฝักยาวผ่านการฉีดสารเคมีมาแล้วกี่วัน ยังมีสารพิษตกค้างอยู่หรือไม่

แต่ถ้าอยากกินจะกินได้ไหม

สามารถทานได้ แต่ต้องเน้นการทำความสะอาด การลดสารพิษในผัก ซึ่งสามารถทำได้ตามนี้

  • กะหล่ำ ต้องล้างทำความสะอาด โดยล้างทีละกาบใบ และผ่านการทำให้สุกก่อน ไม่ว่าจะเป็นการลวกหรือนึ่งเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ติดมาด้วย
  • ถั่วงอกดิบ ต้องนำมาลวกให้สุกก่อนเพื่อฆ่าเชื่อแบคทีเรีย
  • ผักโขม ต้องฆ่าหรือทำลายกรดออกซาลิกด้วยการนึ่งหรือลวก และเลือกทานในปริมาณที่น้อย
  • หน่อไม้ดิบ ต้องนำต้มให้นาน ต้ม 10 นาที สามารถกำจัดสารไซยาไนด์ได้ถึง 90% ถ้าอยากให้หายเกลี้ยงก็ต้มไปจนถึง 30 นาที แต่คงไม่น่าทานนะคะ เพราะหน่อไม้จะเละ ไม่น่ารับประทาน
  • ถั่วฝักยาว ต้องล้างทำความสะอาดด้วยน้ำสะอาด อาจหั่นเป็นท่อนๆ ลงน้ำแช่น้ำให้นานสักหน่อยเพื่อกำจัดสารเคมี อีกทั้งสามารถนำไปลวกเพื่อฆ่าสารเคมีได้เช่นกัน

สรุปแล้วคุณแม่ตั้งครรภ์สามารถ โดยควรทานแต่พอดี ไม่มากเกินไป เพื่อให้ได้รับประโยชน์ วิตามิน แร่ธาตุ สารอาหารอย่างพอดี เพราะไม่ว่าอาหารชนิดไหน ถ้ากินมากเกินไป ก็ล้วนแต่จะให้โทษมากกว่าที่จะเป็นประโยชน์ด้วยกันทั้งนั้นนะคะ ทาง Mama Beyond ก็ขอเป็นกำลังใจให้คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ รวมไปถึงทารกในท้องด้วยนะคะ

สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่เดินเยอะ ยืนนาน หรือมีอาการปวดตัว ปวดหลัง ปวดหน่วง บริเวณท้อง ต้องกุมท้องช่วยพยุงตลอดเวลา ทาง Mama Beyond มีตัวช่วยมาแนะนำ Mama Beyond เข็มขัดพยุงครรภ์ นวัตกรรมจากสหรัฐอเมริกา ช่วยให้หายปวดหลังขณะตั้งครรภ์ เบาสบาย เดินได้คล่องขึ้น สนใจสั่งซื้อ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.mamabeyond.com/